เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ (175 องศาเซลเซียส) แบ่งแกรมแครกเกอร์ลงในชามของเครื่องบดอาหาร เพิ่มน้ำตาลและบดจนกว่าจะได้เม็ดใหญ่ ใส่เนยและบดอีกเล็กน้อยจนกว่าจะผสมกันและเหมือนทรายชื้นเล็กน้อย

ทาน้ำมันเล็กน้อยบนพิมพ์สปริงฟอร์มขนาด 10 นิ้ว แล้วกดส่วนผสมเบา ๆ ลงไปที่ด้านล่างและประมาณ 1 นิ้วขึ้นด้านข้างของพิมพ์

อบในเตาอบที่อุณหภูมิสูงพอให้มีกลิ่นหอมและเหลืองทองรอบขอบเล็กน้อย ประมาณ 8 นาที ปล่อยให้เย็น ลดอุณหภูมิเตาอบลงเหลือ 325 องศาฟาเรนไฮต์ (165 องศาเซลเซียส) ต้มน้ำประมาณ 3 ควอร์ต

ใส่ครีมชีสลงในชามของเครื่องผสมแบบยืน โดยใช้อุปกรณ์ตีตะกร้อมือ ตีชีสที่ความเร็วปานกลางเพียงแค่เนียนเพื่อหลีกเลี่ยงการใส่อากาศมากเกินไป ใส่น้ำตาลและตีจนเนียน ปาดด้านข้างของชามตามความจำเป็น ใส่ครีมเปรี้ยว วานิลลา น้ำมะนาว และเกลือ ผสมจนเข้ากัน เมื่อตีที่ความเร็วต่ำ ใส่ไข่ทีละฟอง ผสมจนแต่ละฟองผสมเข้ากันแล้วจึงผสมจนเข้ากัน

เทส่วนผสมลงในแป้งที่เตรียมไว้ ห่อส่วนล่างและด้านข้างของพิมพ์ด้วยฟอยล์อลูมิเนียมหนาแน่น วางพิมพ์ไว้ในถาดอบขนาดใหญ่และลึก แล้วนำถาดเข้าเตาอบ เทน้ำเดือดรอบๆ เชคเค้กโดยไม่ให้น้ำเข้าไปในห่อฟอยล์หรือเชคเค้ก

อบในเตาอบที่อุณหภูมิสูงจนกระทั่งตรงกลางนิ่มเล็กน้อย ประมาณ 50 นาที นำออกจากเตาอบอย่างระมัดระวังแล้วปล่อยให้เชคเค้กเย็นในถาดน้ำเป็นเวลา 15 ถึง 20 นาที หลังจากประมาณ 10 นาที เมื่อเชคเค้กเริ่มแยกตัวออกจากด้านข้าง ใช้มีดปาดด้านข้าง

นำเชคเค้กที่ห่อไว้ออกจากถาดน้ำแล้ววางบนชั้นวางให้เย็นสนิทประมาณ 1 ชั่วโมง แกะเชคเค้กแล้วนำเข้าตู้เย็นจนกว่าจะเย็นสนิทพร้อมเสิร์ฟอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

ใส่สตรอเบอรี่ครึ่งหนึ่งลงในหม้อขนาดใหญ่ คนให้เข้ากับน้ำตาล มะนาว วานิลลา แป้งข้าวโพด และน้ำ ตั้งไฟแรง คนบ่อย ๆ จนเดือด ลดความร้อนลงเป็นปานกลางและปล่อยให้ส่วนผสมเดือดต่อไปจนกว่าผลเบอรี่จะนิ่ม

ใช้ที่บดมันฝรั่ง บดสตรอเบอรี่จนหยาบเล็กน้อย ต้มต่อไปจนข้นประมาณ 10 นาที นำออกจากความร้อน คนในสตรอเบอรี่ที่เหลือ แล้วปล่อยให้เย็นลงที่อุณหภูมิห้อง แช่เย็นจนกว่าจะพร้อมเสิร์ฟ